วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

Shit happens..but..why?

เมื่อความซวยจะบังเกิด มันก็มักจะเกิดกับเราอยู่เสมอ
เกิดแรงบันดาลใจ (หรือเปล่า?) เป็นภาพที่เห็นด้านล่างนี้ :D


นาฬิกา Garmin Forerunner 210 คู่ใจ ที่ซื้อมาเมื่อกลางธันวาปีที่แล้ว ใช้ไปประมาณ 3 เดือน ก็เกิดอาการหน้าจอดับ ว่างเปล่าไม่มีตัวเลขหรือสัญลักษณ์ใดๆ ปรากฏบนหน้าปัด พยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองทุกทาง ติดบ้างไม่ติดบ้าง เพราะไม่อยากเสียเวลาเดินทางไปที่ศูนย์ ก็ยอมทนใช้

จนกระทั่งอีกอาการปรากฎคือ เสียงไม่ดัง ซึ่งจะทำให้เราใช้ฟังก์ชั่นในการฝึกแบบ Interval นับรอบไม่สะดวกเอาเสียเลย เพราะจะไม่มีเสียงเตือนตอนครบรอบที่ตั้งไว้ แต่ก็ยังทนใช้อีก เอาสิ ด้วยความไม่อยากเดินทาง และไม่อยากรบกวนใจบริษัทที่ขายนาฬิกา นี่คิดแบบนี้จริงๆ

แต่พักหลังๆ คุณ Garmin จอดับบ่อยมาก เรียกว่า ดับเกือบทุกครั้งที่เสียบกับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อจะ Sync ข้อมูล และที่ไม่ไหวแล้ว คือ การฝึกวิ่ง interval โดยไม่มีเสียงเตือนจากนาฬิกานั้น ไม่เวิร์คด้วยประการทั้งปวง

ที่สุด ต้องนำไปเช็คที่ศูนย์... 2 วันต่อมา ได้รับแจ้งว่า ช่างที่ไทยแก้ไม่ได้ ต้องส่งไปที่ ตปท. ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 45 วัน จึงจะได้นาฬิกาคืนมา

เอาละสิ ใช้งานมันบ่อยจนกลายเป็นไอเท็มประจำตัวไปซะแล้ว เคยออกไปซ้อม แล้วลืม Garmin ไว้ที่บ้าน จะวิ่งซ้อมแบบเซ็งๆ

จึงพยายามขอแลกเป็นรุ่นอื่น เพราะเข็ดขยาดกับเรือนนี้แล้ว โดยยินดีเพิ่มเงินส่วนต่างให้ หรืออย่างน้อยมีซักเรือนให้ใช้แทนชั่วคราวระหว่างรอซ่อมเสร็จ คำตอบคือ เอ่อ...ไม่ได้จริงๆ ครับ ^ ^!

ทำตาปริบๆ เห็นใจพนักงานที่รับเรื่องด้วย ถ้าบริษัทที่เค้าทำงานอยู่ไม่มีนโยบาย ก็ไม่รู้จะเค้นเอาความอะไรกับพนักงานตัวเล็กๆ แถมน้องพนักงานก็พูดคุยสุภาพอีก เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นใดที่ดีกว่านี้...รอก็รอครับ

ความรู้สึกเดิมๆ กลับมากับบริการหลังการขาย ของบริษัทในไทย ถ้าซื้อสินค้าที่มีตำหนิ อย่าได้ตั้งความหวังใดๆ ทั้งสิ้น เพราะ 99.99% จะผิดหวังแน่นอน ตลกร้ายคือ เรามักหวังที่จะเจอบริษัทในฝันอย่างนั้นเสมอมา

:)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น