วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

Week 3 / Day 5 - No Brain, No Pain เป็นหุ่นยนต์ซะบ้างก็ดี

                อาทิตย์ที่ผ่านมา หยุดซ้อมไป 4 วัน  ซึ่งมากพอที่จะทำให้ร่างกายลืมไปเลยว่าเคยวิ่งได้   ต้องมาเริ่มลากท่อนซุงที่ท่อนใหญ่ขึ้นกันใหม่  ด้วยความที่ต้องตะลอนไปต่างจังหวัด อุตส่าห์ เหน็บรองเท้าวิ่งไปด้วย  ก็วิ่งได้แค่วันเดียว  ข้อแก้ตัวเยอะอีกตามเคย    ความขี้เกียจชนะความตั้งใจ แบบ TKO คาเวที กรรมการนับสิบก็ลุกไม่ขึ้น

              มีเรื่องมากมายหลายอย่างในชีวิตที่ต้องเอาใจจดใจจ่อกับเรื่องเหล่านั้น  การวิ่งก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ตั้งใจไว้ว่าจะพยายามพัฒนาการวิ่งของตัวเองให้วิ่งได้สนุกขึ้น  ไกลขึ้น และเร็วขึ้น     แล้วตั้งใจฝึกซ้อมวิ่ง ทำไมตั้งยากจัง?  มานั่งพิจารณาดู  "ตั้งใจ" เป็นคำในภาษาไทยที่ทำให้เห็นภาพชัด  เป็นคำนามธรรมที่เป็นรูปธรรมดี  ถ้าเปรียบเป็นวัตถุได้  "ใจ" คงเป็นไข่ใบรีๆ ที่มักจะล้มกลิ้งไปกลิ้งมาได้ง่ายเสียเหลือเกิน    หากเจ้าของใจ ไม่คอยเอามือไปจับ ไปประคองมันให้ตั้งตรงอยู่เสมอ   มันก็พาลจะล้มกล้ิงแบบไร้ทิศทางได้ทุกทีไป

             เช้านี้ก็เกือบจะโดนความขี้เกียจครอบงำจิตใจอีกหน  แต่รู้ทันรีบลุกขึ้นเตรียมตัว ล้างหน้าใส่รองเท้าวิ่งรอไว้ก่อน   ขอทำทุกอย่างแบบไม่ใช้สมองแล้วกัน  คิดเยอะปวดหัว  ทำตัว เหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ว่า ตื่นปุ๊บ ให้เตรียมใส่รองเท้าวิ่งไว้ก่อนดีกว่า ^  ^    ส่วนจะออกไปวิ่งหรือไม่ เอาไว้คิดหลังจากใส่ชุดวิ่งเรียบร้อยก่อน  ปรากฎว่าได้ผล ในที่สุดก็ขุดตัวเองออกจากบ้าน ออกไปวิ่งได้สำเร็จ 

               วิ่งฝืดดดด  เพราะหยุดมาหลายวัน  วันนี้มีคนมาออกกำลังกายเยอะเป็นพิเศษ คงเพราะอากาศที่ยังเย็นสบายอยู่   หลายคนเดินออกกำลังกายไป  คุยกับเพื่อนไป เดินเรียงหน้ากระดานเป็นแผงขายลอตเตอรี่เลย  หลากหลายวัย เต็มทางวิ่ง    วิ่งๆ ไปก็ต้องชลอ ขอทางไป   เลยได้โอกาสซ้อมวิ่งหลบคน เหมือนตอนออกจากจุดสตาร์ทตอนวันแข่ง ได้พักเหนื่อยไปในตัว

               ระหว่างวิ่งไปหยุดไปแบบนี้  ทำให้เกิดไอเดีย เกี่ยวกับการจัดนักวิ่งที่จุดสตาร์ทของเมืองไทยว่า  น่าจะจัดกลุ่มนักวิ่งที่มีฝีเท้าพอๆ กัน ไว้ในกลุ่มเดียวกัน   ใครเร็วสุดประเภทหวังถ้วย หวังรางวัล   ก็ให้เขาเหล่านั้นไปอยู่กลุ่มหน้าสุด   ส่วนเร็วน้อยกว่าก็ลดหลั่นกันมา  พวกที่หวังวิ่งไป ชมบรรยากาศไป ก็ถอยมาท้ายอีก  ส่วนพวกที่รู้ตัวว่า หรือตั้งใจว่า จะวิ่งไป  เดินกินขนมไป  ถ่ายรูปไป เดินจีบกันไป ก็ไปอยู่กลุ่มท้ายสุด   ก็น่าจะบรรเทาเหตุการณ์ที่นักวิ่งต้องคอยวิ่งตุปัด ตุเป๋ ชนกัน กระทบไหล่กัน หลบนักวิ่งที่วิ่งช้ากว่าตอนปล่อยตัว

                เฮ้อออ....ว่าจะวิ่งแบบไม่ใช้สมอง ก็ดันอดคิดไม่ได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น