วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Week 2 / Day 3 - Aerobic Run มัมมี่

         เมื่อวานได้ข้อแนะนำจากคุณป้อม เจ้าของ Blog - Run for life ผู้กล้าประกาศตัวว่าจะวิ่งเพื่อชีวิต และวิ่ง "ตลอดชีวิต" ย้ำว่า วิ่งตลอดชีวิต!  นั่นหมายความว่า เธอรักและทุ่มเทใจให้กับการวิ่งอย่างจริงจัง  เวลาคลิ๊ก Link ไปที่ Blog ของเธอ ถ้าเผลอเปิด Volume ลำโพงดังค้างไว้ทีไร ตกใจทุกที จะมีเสียง "ตึ๊มมมม!" จากวีดีโอคลิปตอนการวิ่งบนสายพาน ให้สะดุ้งเล่น ซึ่งแน่นอนใช้ได้ผลกับเราแทบทุกครั้ง :)

          ติดตาม Blog นี้มานาน ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มหัดวิ่ง เพราะสิ่งที่เธอเขียนคือสิ่งที่เธอทำจริงหวะ อ่านสนุก มีหลายแง่มุมให้ได้อ่าน ซึ่ง Run for life เป็นหนึ่งในไม่กี่ Blog ของนักวิ่งไทยที่มีให้อ่าน

         เมื่อเทียบกับนักวิ่งฝรั่งมังค่าแล้ว นักวิ่งของไทยไม่ค่อยบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการวิ่งกันเท่าไหร่ พยายามหาอ่าน จำนวน Blog ที่เจอก็แทบจะนับนิ้วได้ ชาวตะวันตกนั้นเค้าขึ้นชื่อเรื่องการบันทึก การแชร์ข้อมูลกันอยู่แล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไร มีอะไรบันทึกไว้หมด และเค้าไม่เก็บไว้ให้ตายไปกับตัวเอง เยอะแยะ มากมายหลายหลาก จนบางครั้งละเอียดมากเกินไปด้วยซ้ำ เลือกอ่านจนตาลาย  แต่อยากอ่านของคนไทยด้วยกันมากกว่า ให้ความรู้สึกร่วมมากกว่าอ่าน Blog ของฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา วัฒนธรรม ดินฟ้าอากาศ และสถานที่วิ่งที่นักวิ่งแต่ละคนมีประสบการณ์ตรงมา ชอบอ่านข้อเขียนที่เขียนจากประสบการณ์ตรงของคนเล่าเอง ให้ความรู้สึกจริงไม่อิงนิยาย ที่สำคัญไม่มั่ว! เหนื่อยคือเหนื่อย เจ็บคือเจ็บ

        ข้อแนะนำที่ว่า ก็คือการแก้ปัญหาเรื่อง การก้าวขาไม่ออกในช่วงเริ่มต้นของการวิ่ง หรือที่คุณป้อมใช้คำว่า รู้สึกขาหนักเป็น"ท่อนซุง" เมื่อวิ่งตอนเช้า ใช่เลย เห็นภาพชัดซะยิ่งกว่าจอ IMAX  เป็นคำที่อธิบายอาการวิ่งอืดดด ของเราได้แม่นยำที่สุด ซึ่งปกติอาการนี้จะหายไปเมื่อ วิ่งแบบหนืดๆ ไปจนพ้น 25 นาที  แสดงว่า เราไม่ได้เป็นคนเดียว มันเกิดจากการที่กล้ามเนื้อยังไม่เข้าที่เข้าทางนั่นเอง
     
        คุณป้อมแนะนำ ดังนี้

        - ให้วิ่งเหยาะเบาๆ (Jogging) ประมาณ 2 กม.  /  เช้านี้ ทดลองทำตาม หลังจากบิดขี้เกียจ และบิดแขน บิดขาเบาๆ จนหายง่วง  ก็เริ่มวิ่งด้วย pace ที่รู้สึกสบายๆ ไม่ไปเค้นเอาความอะไรกับขาทั้งสองข้างมาก ปล่อยไปตามธรรมชาติ วิ่งด้วยความรู้สึกลากท่อนซุงแบบนั้นแหละ กล้ามเนื้อเริ่มคลาย จิตใจก็ไม่หงุดหงิดกับอาการหนืดดดด นี้ เพราะรู้แล้วว่า ใครเค้าก็เป็นกัน

        -  เมื่อวิ่ง Jogging ครบระยะ 2 กม. ก็หยุดวิ่ง ยืดขา คลายกล้ามเนื้อ จนรู้สึกว่า พร้อมแล้ว

        -  วิ่งก้าวยาว (Stride) ด้วยความเร็วเกือบเท่าที่เราวิ่ง 100 เมตร แต่วิ่งแค่ 50 เมตร แล้วหยุด กลับหลังหัน วิ่งอีก 50 เมตร ว่ิงไป-กลับอย่างนี้ 6 รอบ  ลองทำแล้ว หอบเป็นหมาหอบแดดเลย

        ทำครบตามนี้ แล้วจึงเริ่มโปรแกรมการฝึกซ้อมตามปกติ

        แถมท้าย คุณป้อม ยังให้ Link "วิ่งดี ไม่มีฝืด" จากเว็บ เรื่องวิ่งเรื่องกล้วย เป็นของแถมอีกต่างหาก



        ด้วยอาการปวดหัวเข่ามาตั้งแต่เมื่อวาน ก่อนวิ่งจึงต้องนวดคลายเส้น แล้วใช้ผ้าพันหัวเข่าซ้าย รวมไปถึงน่อง แลดูคล้ายกับขามัมมี่ แต่ช่วยได้มาก วิ่งจนครบเวลาของ Aerobic Run แล้ว ยืดเหยียด เป็นอันจบโปรแกรมวันนี้


       

   

5 ความคิดเห็น:

  1. เขียนตั้งเยอะ เผลอลบทิ้งหมดเลย ฮือๆๆ วันหลังมาเขียนใหม่ละกาน T_T

    ตอบลบ
  2. เพิ่งเริ่มวิ่งและเพิ่งเริ่มเขียน blog เพื่อบันทึกการวิ่งของตัวเองเหมือนกันค่ะ ว่าง ๆ แวะไป comment ได้ .. แต่ยังมือใหม่กับ blogger.com ใช้แล้วยังงง ๆ มาก

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ผมก็ตามอ่าน Blog คุณ Hua อย่างเงียบๆ อยู่เหมือนกันครับ

      ลบ